รวมปัญหายอดฮิตที่ช่างเจอบ่อย พร้อมวิธีซ่อมแซมตู้เย็นให้จบในครั้งเดียว

ตู้เย็นเครื่องโปรดของบ้าน อยู่ดีๆ ก็เริ่มงอแง! บางทีไม่เย็น บางทีก็มีเสียงแปลกๆ จนสงสัยว่าต้องเรียกช่างหรือเปล่า? บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ ปัญหายอดฮิตที่ช่างซ่อมตู้เย็นเจอบ่อย พร้อม วิธีซ่อมแซมตู้เย็น ให้อยู่หมัดแบบจบในครั้งเดียว

 ตู้เย็นไม่เย็น / เย็นไม่ทั่วทั้งตู้

สารบัญ

เปิดตู้เย็นมาทีไร ของที่แช่ไว้กลับไม่เย็นเหมือนเดิม หรือช่องฟรีซบางมุมแข็ง บางมุมละลาย… อาการแบบนี้ไม่ควรมองข้ามเลยครับ เพราะมันคือสัญญาณชัดๆ ว่าตู้เย็นเริ่มมีปัญหา และถึงเวลาต้องหาวิธี ซ่อมแซมตู้เย็น กันแล้ว! มาดูกันว่าช่างเจอปัญหานี้บ่อยแค่ไหน และมีวิธีเช็กง่ายๆ ที่คุณทำเองได้ก่อนเรียกช่างมาครับ

  1. สาเหตุที่ช่างเจอบ่อย

ตู้เย็นไม่เย็นส่วนใหญ่มักมาจาก 3 ตัวการนี้เลยครับ

  • คอยล์สกปรก: ฝุ่นจับหนา ทำให้ระบบระบายความร้อนไม่ดี
  • น้ำยาแอร์รั่ว: ความเย็นไม่พอ ส่งผลให้แช่ยังไงก็ไม่เย็นทั่วตู้
  • พัดลมระบายความร้อนพัง: อากาศภายในหมุนเวียนไม่ดี ความเย็นเลยไม่ทั่วถึง
  1. วิธีเช็กเบื้องต้น

ก่อนจะเรียกช่าง ลองเช็กเองได้ง่ายๆ

  • เปิดฟังเสียงพัดลมด้านใน ถ้าเงียบแปลว่าพัดลมอาจไม่ทำงาน
  • ส่องหลังตู้ดูว่ามีฝุ่นเกาะแน่นหรือไม่ ถ้ามีหนาเตอะก็ถึงเวลาทำความสะอาดแล้ว
  1. วิธีซ่อมเบาๆ ทำเองได้

  • ถอดปลั๊กตู้เย็นก่อน แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นหรือแปรงปัดฝุ่นเบาๆ ที่หลังตู้
  • เวลาวางตู้เย็น อย่าวางชิดผนังเกินไป ควรให้มีช่องว่างอย่างน้อย 10 เซนติเมตร เพื่อให้อากาศหมุนเวียนสะดวก
  1. ถ้ายังไม่เย็น… เรียกช่างเถอะครับ!

หากทำตามข้างต้นแล้วยังไม่ดีขึ้น อาจเป็นเพราะระบบภายในมีรอยรั่ว หรือคอมเพรสเซอร์เริ่มอ่อนแรง แบบนี้ควรให้ช่างมาตรวจระบบน้ำยาแอร์และเติมใหม่ให้ครับ การซ่อมแซมตู้เย็น ในกรณีนี้มักใช้งบไม่มาก แต่ช่วยยืดอายุเครื่องให้กลับมาเย็นฉ่ำเหมือนเดิมแน่นอน

 มีน้ำหยดในตู้หรือพื้นเปียกบ่อยๆ

เปิดตู้เย็นทีไรเจอน้ำหยดแฉะๆ หรือพื้นหน้าตู้เย็นเปียกทุกเช้าแบบไม่รู้สาเหตุ… ถ้าเจออาการแบบนี้บ่อยๆ อย่าเพิ่งคิดว่าตู้เย็นพังนะครับ เพราะนี่เป็นปัญหายอดฮิตที่เจอกันแทบทุกบ้าน และมักซ่อมได้ง่ายกว่าที่คิด แค่รู้จุดตรวจและลงมือถูกวิธี ก็ช่วย ซ่อมแซมตู้เย็น ได้ด้วยตัวเองแบบสบายๆ เลยครับ!

  1. สาเหตุหลักที่ช่างเจอบ่อย

ปัญหาน้ำหยดในตู้หรือน้ำขังใต้ตู้เย็น มักมาจากสองตัวการนี้ครับ

  • ท่อระบายน้ำตัน : คราบอาหารหรือเศษน้ำแข็งอุดอยู่ในท่อ ทำให้น้ำละลายไหลย้อนกลับ
  • ระบบละลายน้ำแข็ง (Defrost) มีปัญหา : ถ้าระบบนี้ทำงานไม่สมบูรณ์ น้ำแข็งละลายไม่หมด จนกลายเป็นน้ำหยดสะสมในตู้
  1. วิธีเช็กเบื้องต้น

อย่าเพิ่งรีบเรียกช่างครับ!

  • เปิดฝาหลังของช่องฟรีซดูว่ามีน้ำขังอยู่ไหม
  • ถ้ามีคราบน้ำแข็งหรือหยดน้ำเกาะแน่นๆ แปลว่าท่อระบายน้ำอาจตัน
  1. วิธีซ่อมง่ายๆ ทำเองได้

อยากลองซ่อมแซมตู้เย็น แบบเบาๆ ทำได้เลยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เยอะครับ

  • ถอดปลั๊กก่อนทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
  • ใช้ไม้เสียบลูกชิ้น (หรือสายเคเบิลเล็กๆ) แหย่เข้าไปในท่อระบายน้ำ เบาๆ เพื่อเปิดทางให้น้ำไหลสะดวก
  • จากนั้นเช็ดทำความสะอาดด้านในให้แห้งสนิท
  1. ถ้ายังไม่หาย… เรียกช่างดีกว่าครับ

ถ้าลองทำเองแล้วยังมีน้ำหยดอยู่เหมือนเดิม แสดงว่าระบบภายในอาจมีรอยรั่วหรือชิ้นส่วนเสื่อมสภาพ แบบนี้ปล่อยให้มืออาชีพจัดการจะดีกว่า เพราะช่างจะช่วยตรวจระบบและล้างท่อระบายให้ใหม่ทั้งชุด รับรองจบแน่นอนครับ!

 น้ำแข็งไม่เกาะ / ช่องฟรีซไม่เย็น

เคยไหมครับ? เดินผ่านตู้เย็นแล้วรู้สึกพื้นเปียก หรือเปิดตู้มาแล้วเจอน้ำหยดอยู่เต็มช่องผัก!
อาการแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเป็นหนึ่งในปัญหาที่เจอบ่อยมาก และมักจะซ่อมได้ง่ายๆ ถ้ารู้ต้นเหตุที่แท้จริง ซึ่งเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังครับ ว่าช่างมักเช็กจุดไหนก่อน และจะ ซ่อมแซมตู้เย็น ยังไงให้จบในรอบเดียว

  1. สาเหตุยอดนิยมที่ทำให้มีน้ำหยด

สาเหตุหลักๆ มักมาจาก “ระบบระบายน้ำ” หรือ “น้ำยาแอร์” ครับ

  • ท่อระบายน้ำตัน: เศษอาหารหรือคราบน้ำแข็งอุดท่อ ทำให้น้ำละลายไหลย้อนกลับ
  • ระบบละลายน้ำแข็งทำงานผิดปกติ: น้ำแข็งไม่ละลายหมด เกิดเป็นน้ำขังในช่องแช่
  • น้ำยาแอร์รั่วหรือคอมเพรสเซอร์อ่อนแรง: ทำให้ระบบทำความเย็นทำงานผิดจังหวะ น้ำแข็งละลายเร็วกว่าปกติ
  1. วิธีเช็กเบื้องต้น

ก่อนเรียกช่าง ลองเช็กเองง่ายๆ ได้เลยครับ

  • เปิดดูช่องฟรีซว่ามีน้ำแข็งละลายหรือไม่
  • ตรวจดูว่าประตูช่องฟรีซปิดสนิทหรือเปล่า
  • ถ้ามีน้ำขังในช่องล่าง ลองใช้ไม้เล็กๆ (เช่น ไม้เสียบลูกชิ้น) แหย่ท่อระบายน้ำเบาๆ เผื่อมีสิ่งอุดตัน
  1. วิธีซ่อมเบาๆ ที่ทำได้เอง

  • ถอดปลั๊กแล้วปล่อยให้น้ำแข็งละลายเอง
  • ทำความสะอาดช่องหลังตู้และท่อระบายน้ำ
  • อย่าลืมตั้งตู้เย็นให้ห่างผนังเล็กน้อย เพื่อช่วยให้ระบบระบายอากาศทำงานดีขึ้น
  1. เรียกช่างเมื่อไหร่ดี?

ถ้าเช็กเองแล้วยังมีอาการเดิม เช่น น้ำแข็งไม่เกาะ หรือช่องฟรีซไม่เย็น อาจถึงเวลาต้องเติมน้ำยาแอร์หรือเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์แล้วครับ โดยค่าซ่อมประมาณ 400–800 บาท เท่านั้น (กรณีแค่เติมน้ำยาแอร์) ซึ่งถือว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับการซื้อใหม่ทั้งตู้

ตู้เย็นมีเสียงดัง “ซ่าๆ” หรือ “ครืดๆ”

เคยไหมครับ…อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียง “ซ่าๆ” หรือ “ครืดๆ” ดังขึ้นมาจากตู้เย็นกลางดึก จนคิดว่ามีผีแกล้ง จริงๆ แล้วเสียงแบบนี้เป็นหนึ่งในปัญหายอดฮิตที่ช่างเจอบ่อยมาก และบอกได้เลยว่า ถ้าไม่รีบ “ซ่อมแซมตู้เย็น” ตอนนี้ อาจต้องเสียเงินก้อนโตทีหลังแน่นอน!

สาเหตุที่ตู้เย็นมีเสียงดัง

  • เสียงซ่าๆ มักมาจากน้ำยาแอร์ (สารทำความเย็น) ไหลเวียนในระบบ เป็นเรื่องปกติถ้าไม่ได้ดังจนรบกวน
  • เสียงครืดๆ มักเกิดจากพัดลมทำงานติดขัด หรือคอมเพรสเซอร์เริ่มหลวม ซึ่งถ้าปล่อยไว้นาน เสี่ยงพังทั้งชุด!

วิธีแก้เบื้องต้นแบบง่ายๆ

  1. ทำความสะอาดรอบพัดลม – ฝุ่นหรือเศษขยะอาจไปขวางพัดลม ทำให้เกิดเสียง
  2. เช็กระดับการวางตู้เย็น – ถ้าตู้เย็นเอียง จะทำให้เสียงดังจากแรงสั่นสะเทือน
  3. ฟังเสียงให้ดี – ถ้าเสียงดังตลอดเวลา หรือมีเสียงครืดเป็นจังหวะๆ ควรรีบเรียกช่าง

เมื่อไหร่ควรเรียกช่างมาซ่อม

ถ้าทำทุกวิธีแล้วยังไม่เงียบ แนะนำให้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้าน ซ่อมแซมตู้เย็น มาตรวจเช็ก เพราะบางครั้งอาจมีปัญหาที่ระบบคอมเพรสเซอร์หรือมอเตอร์ ซึ่งถ้าแก้เองโดยไม่รู้จริง อาจทำให้เครื่องพังหนักกว่าเดิมได้ครับ

 

ตู้เย็นทำงานตลอดเวลาแต่ไม่เย็นเท่าเดิม

เคยไหมครับ…เสียงมอเตอร์ตู้เย็นทำงานไม่หยุด ทั้งวันทั้งคืน แต่ของในตู้กลับไม่เย็นเหมือนเดิม ปัญหานี้หลายคนอาจคิดว่า “ไม่เป็นไร แค่เครื่องเก่า” แต่จริงๆ แล้วมันคือสัญญาณเตือนว่า ถึงเวลาต้องซ่อมแซมตู้เย็น ก่อนที่คอมเพรสเซอร์จะพังยกชุดครับ!

สาเหตุที่เจอกันบ่อย

  • เทอร์โมสตัทเสีย – เจ้าตัวนี้ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิ ถ้าเสียเมื่อไหร่ ตู้เย็นจะทำงานไม่หยุดแต่ก็ไม่เย็นพอ
  • น้ำยาแอร์รั่วเล็กน้อย – เป็นสาเหตุยอดฮิตที่ทำให้ระบบทำความเย็นทำงานหนักขึ้น แต่ผลลัพธ์คือ “ไม่เย็นเหมือนเดิม”

วิธีเช็กเบื้องต้นด้วยตัวเอง

  1. ลองปรับอุณหภูมิ ดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงไหม
    • ถ้าเย็นขึ้น = ยังพอใช้ได้
    • ถ้าไม่ต่างเลย = เทอร์โมสตัทอาจเสียแน่ๆ
  2. สังเกตคอยล์เย็น ถ้ามีน้ำแข็งเกาะหนาเกินไป อาจเกิดจากระบบละลายน้ำแข็งทำงานผิดปกติ

วิธีแก้ปัญหาให้จบในครั้งเดียว

  • หากตรวจเบื้องต้นแล้วยังไม่เจอสาเหตุที่ชัดเจน แนะนำให้เรียกช่างมืออาชีพด้านซ่อมแซมตู้เย็น มาตรวจระบบควบคุมและคอยล์เย็น เพราะปัญหานี้มักเกี่ยวกับชิ้นส่วนภายในที่ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางครับ
  • อย่าฝืนใช้ต่อ เพราะยิ่งปล่อยไว้นาน ยิ่งเปลืองไฟและเสี่ยงคอมเพรสเซอร์พังได้

 สรุป

ตู้เย็นถือเป็นเพื่อนคู่ครัวที่ทำงานแทบจะ 24 ชั่วโมงต่อวัน พังทีนี่มีปวดหัวแน่ครับ! แต่รู้ไหมครับว่าปัญหาตู้เย็นหลายอย่างที่ดูเหมือนซับซ้อน จริงๆ แล้ว “เช็กง่ายกว่าที่คิด” บางอาการแค่สังเกตเสียง หรือมองดูน้ำหยด ก็พอจะรู้ได้เลยว่ามีอะไรผิดปกติอยู่ตรงไหน แค่เรารู้จุดอ่อนของเครื่อง และหมั่นดูแลอย่างถูกวิธี ก็ช่วยประหยัด ค่าซ่อมแซมตู้เย็น ไปได้เยอะเลยครับ ส่วนถ้าเริ่มมีอาการแปลกๆ อย่างเย็นน้อยลง มีเสียงดัง หรือพื้นเปียกบ่อยๆ ก็อย่ารอให้ถึงขั้นพังยาว รีบเช็ก รีบแก้ หรือเรียกช่างมาดูด่วน จะได้ซ่อมจบในครั้งเดียว ไม่ต้องมาปวดหัวซ้ำสองครับ คุณสามารถอ่านบทความอื่นๆที่เป็นประโยชน์ได้ที่ ตู้เย็นมือ2.com ได้เลยนะครับ

 

 

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *