ตู้เย็นถือเป็นของใช้คู่บ้านที่ขาดไม่ได้เลยครับ เพราะช่วยเก็บของสดและเครื่องดื่มให้เย็นฉ่ำตลอดวัน แต่บางทีก็มีอาการงอแงให้ปวดหัว ไม่ว่าจะเป็นเสียงดัง “ครืดๆ ซ่าๆ” เย็นไม่ทั่ว น้ำหยด หรือบางทีก็ไฟไม่ติดซะงั้น ปัญหาเหล่านี้หลายบ้านต้องเคยเจอแน่นอนครับ ซึ่งจริงๆ แล้วอาการพวกนี้ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิดเลยนะครับ เพราะหลายกรณีสามารถแก้ได้ง่ายๆ ด้วยการตรวจเช็กเบื้องต้น หรือเรียกช่างมาดูเฉพาะจุดเท่านั้น ถ้าใครกำลังสงสัยว่าตู้เย็นของตัวเองเริ่มงอแงเพราะอะไร หรืออยากรู้ว่ามี “งานซ่อมตู้เย็น” แบบไหนที่ช่างมักเจอบ่อยและคุ้มค่าที่สุด มาดูกันครับว่าอาการยอดฮิตของตู้เย็นมีอะไรบ้าง และงานซ่อมแบบไหนที่ช่วยให้ตู้เย็นของคุณกลับมาเย็นฉ่ำเหมือนใหม่อีกครั้ง!
เสียงดัง “ครืดๆ ซ่าๆ” ที่มักมาพร้อมความรำคาญ
เสียงดัง “ครืดๆ ซ่าๆ” จากตู้เย็น เป็นหนึ่งในปัญหาที่หลายบ้านต้องเคยได้ยิน แล้วก็อดรำคาญไม่ได้จริงไหมครับ? เสียงแบบนี้ไม่ได้แปลว่าตู้เย็นใกล้พังเสมอไป แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนเล็กๆ ว่าระบบภายในเริ่มมีบางอย่างผิดปกติ ถึงเวลาเรียก งาน ซ่อม ตู้ เย็น มาช่วยดูแลก่อนจะบานปลายครับ
-
สาเหตุหลักที่มักเจอ
ส่วนใหญ่เสียง “ครืดๆ” มักมาจาก คอมเพรสเซอร์เริ่มสึก หรือ พัดลมระบายอากาศมีฝุ่นเกาะ ทำให้เกิดแรงเสียดสีเวลาทำงาน ยิ่งปล่อยไว้นาน เสียงยิ่งดังและอาจกินไฟมากขึ้น
-
วิธีเช็กเบื้องต้นเองได้
ลองสังเกตช่วงที่ตู้เย็นเริ่มทำงานครับ ถ้ามีเสียง “ครืดๆ” หรือ “ซ่าๆ” ดังผิดปกติจากด้านหลังตู้ หรือดังขึ้นกว่าปกติ แปลว่าระบบระบายความร้อนเริ่มมีปัญหาแน่นอน
-
วิธีแก้ง่ายๆ ก่อนเรียกช่าง
ถอดปลั๊กตู้เย็นออกก่อน แล้วลอง ทำความสะอาดบริเวณพัดลมและช่องระบายอากาศ ด้วยแปรงขนอ่อนหรือเครื่องดูดฝุ่นเบาๆ ถ้ายังไม่หาย แนะนำให้เรียกช่างมาช่วยตรวจเช็ก คอมเพรสเซอร์ จะปลอดภัยกว่า
-
ถ้าเป็นตู้เย็น Singer ยิ่งควรรีบซ่อม!
สำหรับใครใช้ตู้เย็นแบรนด์ซิงเกอร์ เสียงแบบนี้เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยครับ การ ซ่อม ตู้ เย็น ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยยืดอายุการใช้งานและลดค่าไฟได้เยอะเลย
เพราะฉะนั้น ถ้าตู้เย็นเริ่มมีเสียงแปลกๆ อย่ามองข้ามนะครับ รีบตรวจเช็กและเรียก งาน ซ่อม ตู้ เย็น มาแก้ก่อนจะต้องเปลี่ยนใหม่ จะได้ทั้งความเย็นและความเงียบกลับคืนมาอีกครั้งครับ
ตู้เย็นไม่เย็น หรือเย็นไม่ทั่ว
ปัญหา “ตู้เย็นไม่เย็น” หรือ “เย็นไม่ทั่วทั้งตู้” นี่เรียกว่าเป็นอาการสุดคลาสสิกที่เจอกันแทบทุกบ้านเลยครับ หลายคนอาจคิดว่าต้องซื้อใหม่ แต่จริงๆ แล้วบางครั้งแค่เรียก งาน ซ่อม ตู้ เย็น มาดูนิดหน่อย ก็กลับมาเย็นฉ่ำเหมือนเดิมได้แล้ว
-
สาเหตุยอดฮิตที่เจอบ่อย
ปัญหานี้ส่วนใหญ่เกิดจาก น้ำยาแอร์รั่ว, ขอบยางประตูเสื่อมจนปิดไม่สนิท, หรือ คอยล์ด้านหลังตู้เย็นสกปรกจนระบายความร้อนไม่ดี ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ความเย็นกระจายไม่ทั่วตู้ บางช่องเย็นจัด บางช่องแทบไม่เย็นเลยครับ
-
วิธีเช็กเบื้องต้นเองได้ง่ายๆ
ลองเปิดดูในช่องแช่แข็งครับ ถ้ามีน้ำแข็งเกาะเฉพาะบางจุด หรือบางส่วนละลายเร็วผิดปกติ แปลว่าระบบทำความเย็นเริ่มมีปัญหาแน่นอน
-
วิธีแก้ง่ายๆ ก่อนเรียกช่าง
- ตรวจดู ขอบยางประตู ว่ายังแนบสนิทหรือไม่ ถ้ามีช่องว่างให้ลมรั่วเข้า ก็คือหนึ่งในต้นเหตุหลักเลยครับ
- ถอดปลั๊กออก แล้ว ทำความสะอาดคอยล์หลังตู้เย็น ด้วยแปรงขนอ่อนหรือเครื่องดูดฝุ่นเบาๆ
- ถ้ายังไม่ดีขึ้น ควรเรียก ช่างมืออาชีพมาดูงาน ซ่อม ตู้ เย็น โดยเฉพาะเพื่อเช็กระบบน้ำยาแอร์และคอมเพรสเซอร์
-
กรณีตู้เย็น Singer เย็นไม่ทั่ว
ถ้าเป็นตู้เย็นซิงเกอร์ที่ใช้งานมาหลายปีแล้ว ปัญหานี้อาจเกิดจาก น้ำยาแอร์รั่วเล็กน้อย หรือ ระบบทำความเย็นอ่อนแรง การเรียก ช่างซ่อม ตู้ เย็น ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยประหยัดทั้งค่าไฟและค่าซ่อมในระยะยาวครับ
เพราะฉะนั้น ถ้าตู้เย็นเริ่ม “ไม่เย็น” อย่าเพิ่งตกใจหรือรีบซื้อใหม่ ลองเช็กเบื้องต้นและเรียก งาน ซ่อม ตู้ เย็น มาดูให้แน่ใจก่อนครับ บางทีแค่ซ่อมเล็กน้อยก็กลับมาเย็นสะใจเหมือนวันแรกได้เลยครับ!
น้ำหยดพื้นเปียกตลอด
เคยไหมครับ…เดินผ่านตู้เย็นทีไร พื้นเปียกทุกทีเหมือนมีใครแอบทำหกไว้ ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ครัวเลย? ปัญหานี้เจอบ่อยมากใน งาน ซ่อม ตู้ เย็น โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้นานๆ
สาเหตุ: ท่อน้ำทิ้งอุดตัน หรือน้ำแข็งละลายมากเกินไป
เวลาตู้เย็นทำงาน ระบบจะมีการละลายน้ำแข็งออกมาเป็นน้ำ แล้วไหลลงท่อน้ำทิ้งด้านหลัง แต่ถ้าท่อนี้อุดตัน น้ำก็จะไหลย้อนกลับมาข้างในจนเอ่อล้นออกมาหน้าตู้เย็น ทำให้พื้นเปียกแฉะอยู่เรื่อยๆ
วิธีเช็ก: เปิดดูช่องระบายน้ำด้านหลังตู้เย็น
ลองขยับตู้เย็นออกมานิด แล้วมองหาท่อน้ำเล็กๆ ด้านหลัง ถ้าเห็นคราบน้ำแข็งหรือเศษฝุ่นเกาะอยู่เยอะ ก็มีโอกาสสูงว่าท่อมันตันครับ
วิธีแก้: ใช้น้ำอุ่นละลายน้ำแข็งและทำความสะอาดท่อระบายน้ำ
เทน้ำอุ่น (อย่าร้อนเกินไปนะครับ) ลงไปเบาๆ เพื่อช่วยละลายน้ำแข็ง แล้วใช้ลวดเส้นเล็กๆ หรือลวดเคเบิลไทด์เขี่ยเศษขยะออกเบาๆ จากนั้นเช็ดให้แห้ง เท่านี้ก็ช่วยให้ตู้เย็นกลับมาทำงานปกติได้อีกครั้ง
หากทำตามแล้วยังมีน้ำหยดอยู่ดี แนะนำให้เรียกช่างผู้เชี่ยวชาญด้าน งาน ซ่อม ตู้ เย็น มาช่วยดูครับ เพราะช่างจะรู้จุดเช็กและจุดบกพร่องของรุ่นนี้เป็นพิเศษ รับรองแก้ได้ตรงจุดแน่นอนครับ
ตู้เย็นทำงานตลอดแต่ไม่เย็นเท่าเดิม
เคยไหมครับ…ได้ยินเสียงตู้เย็นทำงาน “หึ่งๆๆ” ทั้งวัน แต่พอเปิดดูข้างในกลับไม่เย็นเท่าเดิม ของกินเริ่มไม่ค่อยอยู่ น้ำแข็งก็ละลาย คราวนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วครับ เพราะนี่คือหนึ่งในอาการที่เจอบ่อยมากใน งาน ซ่อม ตู้ เย็น
สาเหตุ: เทอร์โมสตัทเสีย หรือน้ำยาแอร์รั่ว
สาเหตุหลักมักมาจาก “เทอร์โมสตัท” ซึ่งเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิภายในเสีย ทำให้ตู้เย็นทำงานต่อเนื่องแต่ไม่เย็นขึ้น หรืออีกกรณีคือน้ำยาแอร์รั่ว ทำให้ระบบทำความเย็นไม่สมบูรณ์ ถึงมอเตอร์จะทำงานเต็มที่ก็ไม่สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงได้
วิธีเช็ก: ปรับอุณหภูมิดู ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงเลย = มีปัญหาแน่
ลองหมุนปุ่มอุณหภูมิในตู้เย็นดูครับ ถ้าปรับไปสุดแต่ยังไม่รู้สึกว่าเย็นขึ้นเลย นั่นแปลว่ามีปัญหาแน่นอน อาจจะเป็นที่ตัวเทอร์โมสตัทหรือระบบน้ำยาความเย็น
วิธีแก้: เรียกช่างตรวจระบบควบคุมและคอยล์เย็น
ในกรณีนี้อย่าพยายามแก้เองนะครับ เพราะต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง เช่น เกจวัดแรงดันน้ำยา หรือเครื่องตรวจรั่ว ระบบภายในต้องเปิดเช็กโดยช่างมืออาชีพเท่านั้น การเรียกผู้เชี่ยวชาญด้าน งาน ซ่อม ตู้ เย็น ที่คุ้นเคย จะช่วยให้ตรวจเจอปัญหาได้ไว และแก้ไขได้ตรงจุด ไม่ต้องเสียเวลาเดา
รวมงานซ่อมยอดฮิตและงบประมาณคร่าวๆ
พูดถึงเรื่อง งาน ซ่อม ตู้ เย็น ทีไร หลายคนคงเคยมีโมเมนต์แบบ “เฮ้ย! ตู้เย็นเพิ่งซ่อมไปไม่กี่เดือน ทำไมเสียงมาอีกแล้ว?” จริงๆ แล้วอาการเสียของตู้เย็นมักจะวนอยู่ไม่กี่แบบครับ และค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้แรงอย่างที่คิด ถ้ารู้ทันก่อน ก็วางงบได้แบบไม่สะเทือนกระเป๋าเลย
-
เติมน้ำยาแอร์ – ประมาณ 500–1,000 บาท
หนึ่งในงานที่เจอบ่อยสุดใน งาน ซ่อม ตู้ เย็น เพราะเมื่อใช้นานๆ น้ำยาแอร์จะรั่วซึมหรือเสื่อมประสิทธิภาพ ทำให้ตู้เย็นเย็นน้อยลง เติมใหม่ทีเดียวก็กลับมาเย็นฉ่ำเหมือนเดิมครับ
-
เปลี่ยนขอบยางประตู – 300–700 บาท
อย่ามองข้ามขอบยางเล็กๆ รอบประตูนะครับ เพราะถ้าเริ่มเสื่อม ตู้เย็นจะปิดไม่สนิท อากาศร้อนเข้าไปทำให้ระบบทำงานหนักขึ้นและกินไฟโดยใช่เหตุ เปลี่ยนใหม่ไม่กี่ร้อยแต่ช่วยยืดอายุเครื่องได้เยอะเลย
-
ซ่อมคอมเพรสเซอร์ – 1,000–2,500 บาท
หัวใจหลักของตู้เย็นเลยครับ ถ้าคอมเพรสเซอร์เสียเมื่อไหร่ ความเย็นก็หายแน่นอน อันนี้ต้องให้ช่างเช็กและซ่อมให้ เพราะมีระบบไฟและแรงดันเกี่ยวข้อง แต่โดยรวมแล้วถือว่าซ่อมได้ คุ้มกว่าซื้อตู้ใหม่แน่นอน
-
ตรวจเช็กทั่วไป – เริ่มต้น 300 บาท
ถ้ารู้สึกว่าตู้เย็นเริ่มงอแงแต่ยังไม่แน่ใจว่าเสียตรงไหน ให้เรียกช่างมาตรวจเช็กก่อนครับ ค่าใช้จ่ายไม่สูง แถมช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามจนต้องซ่อมใหญ่
สรุป
สรุปง่ายๆ เลยครับว่า ปัญหาตู้เย็นไม่ว่าจะเสียงดัง เย็นไม่ทั่ว หรือน้ำหยดในตู้ จริงๆ แล้วแก้ได้ ไม่จำเป็นต้องรีบซื้อใหม่ให้เปลืองงบครับ แค่รู้ต้นเหตุ และเลือกแนวทางซ่อมให้ถูกจุด ตู้เย็นก็กลับมาเย็นฉ่ำเหมือนเดิมได้แบบสบายกระเป๋า แต่ถ้าเช็กเองแล้วยังไม่ชัวร์ หรือกลัวซ่อมผิดจุดจนงบบานปลาย แนะนำให้เรียก ช่างมืออาชีพ มาช่วยดูให้ดีกว่าครับ ทั้งปลอดภัย ทั้งได้งานซ่อมที่มีคุณภาพแน่นอน ดูแลดีๆ ตู้เย็นก็พร้อมอยู่กับบ้านเราไปได้อีกหลายปีเลยครับ! หากคุณอยากซ่อมตู้เย็น นึกถึงเราได้เลย ติดต่อที่ ตู้เย็นมือ2.com ได้เลยนะครับ